นโยบายความเป็นส่วนตัวของ บริษัท ชัยฤทธิ์ ลีสซิ่ง 58 จำกัด


                บริษัทชัยฤทธิ์ ลีสซิ่ง 58 จำกัด (ต่อไปในนโยบายนี้เรียกว่า “บริษัท”หรือ“เรา”) ตระหนักถึงความสำคัญของข้อมูลส่วนบุคคลอันเกี่ยวกับ ลูกค้า ผู้ใช้/ผู้รับบริการ ผู้มาติดต่อ บุคคลภายนอก คู่ค้า คู่สัญญา พันธมิตรทางธุรกิจ พนักงานและผู้มาสมัครงาน (เรียกว่า “ท่าน”) เพื่อให้ท่านสามารถเชื่อมั่นได้ว่า บริษัทมีความโปร่งใสและความรับผิดชอบในการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลของท่านตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (“กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”) รวมถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง จึงได้จัดทำนโยบายความเป็นส่วนตัว (ต่อไปเรียกว่า “นโยบาย”) ขึ้นมาเพื่อชี้แจงแก่ท่านถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผย (รวมเรียกว่า “ประมวลผล”) ข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งดำเนินการโดย บริษัทฯ รวมถึงเจ้าหน้าที่และบุคคลที่เกี่ยวข้องผู้ดำเนินการแทนหรือในนามของ บริษัทฯ โดยมีเนื้อหาสาระดังต่อไปนี้

                นโยบายนี้ใช้บังคับกับลูกค้า ผู้ใช้/ผู้รับบริการ ผู้มาติดต่อ บุคคลภายนอก คู่ค้า คู่สัญญา พันธมิตรทางธุรกิจ พนักงานและผู้มาสมัครงาน ซึ่งถูกประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดย บริษัทฯ รวมถึงคู่สัญญาหรือบุคคลภายนอกที่ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลแทนหรือในนามของ บริษัทฯ (“ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล”)
                นอกจากนโยบายฉบับนี้แล้ว บริษัทฯ อาจกำหนดให้มีประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) ให้ท่านได้ทราบถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกประมวลผล วัตถุประสงค์และเหตุผลอันชอบด้วยกฎหมายในการประมวลผล ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลพึงมีในผลิตภัณฑ์หรือบริการนั้นเป็นการเฉพาะเจาะจง
                ทั้งนี้ ในกรณีที่มีความขัดแย้งกันในสาระสำคัญระหว่างความในประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและนโยบายนี้ ให้ถือตามความในประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) ของประเภทบุคคลนั้น

                - บริษัทฯ หมายถึง บริษัท ชัยฤทธิ์ ลีสซิ่ง 58 จำกัด
                - ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดา ซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงนิติบุคคลและข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ

 

ตัวอย่างข้อมูลที่เป็นข้อมูลส่วนบุคคล

 

  • ชื่อ-นามสกุล หรือชื่อเล่น
  • เลขประจำตัวประชาชน, เลขหนังสือเดินทาง, เลขบัตรประกันสังคม, เลขใบอนุญาตขับขี่, เลขประจำตัวผู้เสียภาษี, เลขบัญชีธนาคาร, เลขบัตรเครดิต (การเก็บเป็นภาพสำเนาบัตรประชาชนหรือสำเนาบัตรอื่น ๆ ที่มีข้อมูลส่วนบุคคลที่กล่าวมาย่อมสามารถใช้ระบุตัวบุคคลได้โดยตัวมันเอง จึงถือเป็นข้อมูลส่วนบุคคล)
  • ที่อยู่, อีเมล์, เลขโทรศัพท์
  • ข้อมูลอุปกรณ์หรือเครื่องมือ เช่น IP address, MAC address, Cookie ID
  • ข้อมูลระบุทรัพย์สินของบุคคล เช่น ทะเบียนรถยนต์, โฉนดที่ดิน
  • ข้อมูลที่สามารถเชื่อมโยงไปยังข้อมูลข้างต้นได้ เช่น วันเกิดและสถานที่เกิด, เชื้อชาติ, สัญชาติ, น้ำหนัก, ส่วนสูง, ข้อมูลตำแหน่งที่อยู่ (location), ข้อมูลการแพทย์, ข้อมูลการศึกษา, ข้อมูลทางการเงิน, ข้อมูลการจ้างงาน
  • ข้อมูลหมายเลขอ้างอิงที่เก็บไว้ในไมโครฟิล์ม แม้ไม่สามารถระบุไปถึงตัวบุคคลได้ แต่หากใช้ร่วมกับระบบดัชนีข้อมูลอีกระบบหนึ่งก็จะสามารถระบุไปถึงตัวบุคคลได้ ดังนั้นข้อมูลในไมโครฟิล์มจึงเป็นข้อมูลส่วนบุคคล
  • ข้อมูลการประเมินผลการทำงานหรือความเห็นของนายจ้างต่อการทำงานของลูกจ้าง
  • ข้อมูลบันทึกต่าง ๆ ที่ใช้ติดตามตรวจสอบกิจกรรมต่าง ๆ ของบุคคล เช่น log file
  • ข้อมูลที่สามารถใช้ในการค้นหาข้อมูลส่วนบุคคลอื่นในอินเทอร์เน็ต
  •                 - ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ถูกบัญญัติไว้ในมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด ห้ามมิให้เก็บรวบรวม โดยไม่ได้รับความยินยอม โดยชัดแจ้งจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

     

    ตัวอย่างข้อมูลที่เป็นข้อมูลอ่อนไหว

     

  • เชื้อชาติ
  • เผ่าพันธุ์
  • ความคิดเห็นทางการเมือง
  • ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา
  • พฤติกรรมทางเพศ
  • ประวัติอาชญากรรม
  • ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ หรือข้อมูลสุขภาพจิต
  • ข้อมูลสหภาพแรงงาน
  • ข้อมูลพันธุกรรม
  • ข้อมูลชีวภาพ
  • ข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด
  •                 - การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง การดำเนินการใด ๆ กับข้อมูลส่วนบุคคล เช่น เก็บรวบรวม บันทึก สำเนา จัดระเบียบ เก็บรักษา ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ใช้ กู้คืน เปิดเผย ส่งต่อ เผยแพร่ โอน รวม ลบ ทำลาย เป็นต้น
                    - เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลธรรมดาซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย อันได้แก่ ลูกค้า ผู้ใช้/ผู้รับบริการ ผู้มาติดต่อ บุคคลภายนอก คู่ค้า คู่สัญญา พันธมิตรทางธุรกิจ พนักงานและผู้มาสมัครงาน
                    - ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
                    - ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล

                    บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมหรือได้มาซึ่งข้อมูลดังต่อไปนี้ ซึ่งอาจรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับบริการที่ท่านใช้หรือบริบทความสัมพันธ์ที่ท่านมีกับ บริษัทฯ รวมถึงข้อพิจารณาอื่นที่มีผลกับการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล โดยประเภทของข้อมูลที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้เป็นเพียงกรอบการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของ บริษัทฯ เป็นการทั่วไป ทั้งนี้ เฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ท่านใช้งานหรือมีความสัมพันธ์ด้วยเท่านั้นที่จะมีผลบังคับใช้

     
    3.1 ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป

    สำหรับพนักงานและผู้มาสมัครงาน

    ประเภทข้อมูล

    ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการเก็บรวบรวม

    ข้อมูลรายละเอียดส่วนบุคคล

    ชื่อ นามสกุล เลขบัตรประจำตัวประชาชน วันเดือนปีเกิด เพศ ส่วนสูง อายุ อาชีพ สถานภาพทางการสมรส ลายมือชื่อ รูปถ่าย ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ประวัติการศึกษา 

    ข้อมูลตรวจสอบประวัติ

    ประวัติอาชญากรรม การดำเนินคดีทางแพ่ง และทางอาญา 

    ข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีธนาคาร

    เลขบัญชี ชื่อธนาคาร สาขา ชื่อบัญชี

    ข้อมูลรายละเอียดการติดต่อ (Contact Data)

    ที่อยู่ติดต่อทางไปรษณีย์ ที่อยู่อิเล็กทรอนิกส์ หมายเลขโทรศัพท์ ข้อมูลโซเชียลมีเดีย ภาพวาดแผนที่ตั้งที่อยู่อาศัย

    ข้อมูลทางการเงิน

    แหล่งที่มาของรายได้ ข้อมูลรายได้ ข้อมูลเงินเดือน

    ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานหรือการปฏิบัติงานของพนักงาน

    ข้อมูลตามบัตรพนักงาน รหัสพนักงาน เวลาเข้า – ออกจากสถานที่ทำงาน ข้อมูลประวัติการมาทำงาน การลาหยุด การขาดงาน

    ข้อมูลเกี่ยวกับการจ่ายเงินให้กับพนักงาน

    เงินเดือน รายละเอียดเกี่ยวกับการจ่ายเงิน การจ่ายโบนัส

    ข้อมูลบุคคลในครอบครัวหรือบุคคลอ้างอิง

    ชื่อบิดา ชื่อมารดา ชื่อคู่สมรส ชื่อบุคคลอ้างอิงอื่น ๆ ภาพวาดแผนที่ตั้งที่อยู่อาศัย (ผู้ค้ำประกัน)

    ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้มาติดต่อ

    ชื่อ นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ เวลาเข้าออก

    ข้อมูลที่ได้จากกล้องวงจรปิด CCTV

    ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เสียง ภาพทรัพย์สินของท่าน เช่น พาหนะ กระเป๋า หมวก เครื่องแต่งกาย

     

    ลูกค้า ผู้ใช้/ผู้รับบริการ ผู้มาติดต่อ บุคคลภายนอก

    ประเภทข้อมูล

    ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการเก็บรวบรวม

    ข้อมูลรายละเอียดส่วนบุคคล

    ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ ใบคู่มือจดทะเบียนรถ ใบทะเบียนสมรส ใบทะเบียนหย่า       ใบเปลี่ยนชื่อสกุล ใบเปลี่ยนชื่อ เพศ อายุ ลายเซ็น หรือ ลายมือชื่อ ลายมือชื่อ-สกุล เลขประจำตัวประชาชน วันเดือนปีเกิด สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน

    ข้อมูลรายละเอียดการติดต่อ (Contact Data)

    ที่อยู่ติดต่อทางไปรษณีย์ ที่อยู่อิเล็กทรอนิกส์ หมายเลขโทรศัพท์ ข้อมูลโซเชียลมีเดีย ภาพวาดแผนที่ตั้งที่อยู่อาศัย

    ข้อมูลทางการเงิน

    แหล่งที่มาของรายได้ ข้อมูลรายได้ ข้อมูลเงินเดือน

    ข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีธนาคาร

    เลขบัญชี ชื่อธนาคาร สาขา ชื่อบัญชี

    รายละเอียดที่ใช้ในการระบุตัวตนและการยืนยันตัวตน

    ชื่อ นามสกุล เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน หมายเลขโทรศัพท์

     

    ข้อมูลอื่น ๆ

    บันทึกการโต้ตอบและการสื่อสารของท่านกับทางบริษัทฯ เช่น ระบบช่วยรวบรวมคำร้องขอ และแจ้งปัญหา

    ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้มาติดต่อ

    ชื่อ นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ เวลาเข้าออก

    ข้อมูลที่ได้จากกล้องวงจรปิด CCTV

    ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เสียง ภาพทรัพย์สินของท่าน เช่น พาหนะ กระเป๋า หมวก เครื่องแต่งกาย

    คุกกี้ (cookies)

    คุกกี้ประเภทจำเป็นถาวร (Strictly Necessary cookies) 

     

    สำหรับคู่ค้า คู่สัญญา พันธมิตรทางธุรกิจ

    ประเภทข้อมูล

    ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการเก็บรวบรวม

    ข้อมูลรายละเอียดส่วนบุคคล

    ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ ใบเปลี่ยนชื่อสกุล ใบเปลี่ยนชื่อ ลายเซ็น หรือ ลายมือชื่อ เลขประจำตัวประชาชน วันเดือนปีเกิด สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาบัตรประชาชน

    ข้อมูลรายละเอียดการติดต่อ (Contact Data)

    ที่อยู่ติดต่อทางไปรษณีย์ ที่อยู่อิเล็กทรอนิกส์ หมายเลขโทรศัพท์ ข้อมูลโซเชียลมีเดีย

    ข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีธนาคาร

    เลขบัญชี ชื่อธนาคาร สาขา ชื่อบัญชี

    รายละเอียดที่ใช้ในการระบุตัวตนและการยืนยันตัวตน

    ชื่อ นามสกุล เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน หมายเลขโทรศัพท์

     

    ข้อมูลอื่น ๆ

    บันทึกการโต้ตอบและการสื่อสารของท่านกับทางบริษัทฯ เช่น ระบบช่วยรวบรวมคำร้องขอ และแจ้งปัญหา

    ข้อมูลเอกสารราชการ (นิติบุคคล)

    หนังสือรับรองบริษัท หรือเอกสารอื่นใดที่เกี่ยวข้องที่ใช้ประกอบการทำสัญญา

    ข้อมูลที่ได้จากกล้องวงจรปิด CCTV

    ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เสียง ภาพทรัพย์สินของท่าน เช่น พาหนะ กระเป๋า หมวก เครื่องแต่งกาย

     
    3.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน

                    โดยทั่วไปแล้ว บริษัทฯ ไม่มีความประสงค์จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลศาสนาและหมู่โลหิตที่ปรากฏอยู่ในสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ใดโดยเฉพาะ หากท่านได้มอบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่บริษัทฯ ขอให้ท่านปกปิดข้อมูลดังกล่าว หากท่านมิได้ปกปิดข้อมูลข้างต้น ถือว่าท่านอนุญาตให้ บริษัทฯ ดำเนินการปกปิดข้อมูลเหล่านั้น และถือว่าเอกสารที่มีการปกปิดข้อมูลดังกล่าว มีผลสมบูรณ์และบังคับใช้ได้ตามกฎหมายทุกประการ ทั้งนี้ หาก บริษัทฯ ไม่สามารถปกปิดข้อมูลได้เนื่องจากข้อจำกัดทางเทคนิคบางประการ บริษัทฯ จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเอกสารยืนยันตัวตนของท่านเท่านั้น
                    ในกรณีที่ บริษัทฯ จำเป็นจะต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดของท่าน บริษัทฯ จะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านเป็นกรณีไป ทั้งนี้ บริษัทฯ อาจมีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน ดังนี้

     
    วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม
     
  • เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตรวจสอบคุณสมบัติ หรือความเหมาะสมในการปฏิบัติงานตามสัญญา
  • เพื่อพิจารณาความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งของผู้ปฏิบัติงาน เช่น กรณีเคยมีประวัติการทุจริตและประพฤติมิชอบต่อหน้าที่
  • เพื่อผลประโยชน์ในด้านสุขภาพและความปลอดภัยในชีวิตของผู้สมัครงาน เช่น การทำประกันสังคม การทำประกันสุขภาพโดยบริษัทฯ เป็นผู้จัดหามาให้
  • เพื่อตรวจสอบยืนยันตัวตนการเป็นผู้ปฏิบัติงานภายในบริษัท
  • เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับประโยชน์สาธารณะด้านการสาธารณสุข เช่น การป้องกันด้านสุขภาพจากโรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาดที่อาจติดต่อหรือแพร่เข้ามาในราชอาณาจักร

  • ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการเก็บรวบรวม

    ฐานทางกฎหมาย

    ข้อมูลประวัติอาชญากรรม

    การขอความยินยอมโดยชัดแจ้ง

    ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ หรือความพิการ

    การขอความยินยอมโดยชัดแจ้ง

    ข้อมูลชีวภาพ เช่น ระบบการจดจำใบหน้า ระบบการจดจำเสียง และลายนิ้วมือ

    การขอความยินยอมโดยชัดแจ้ง

    ข้อมูลการคัดกรองตามมาตรการป้องกันโรคระบาด

    เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย

    ข้อมูลสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน เช่น เชื้อชาติ ศาสนา หมู่โลหิต

    การขอความยินยอมโดยชัดแจ้ง

                    โดยทั่วไปแล้วบริษัทฯ จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยการขอข้อมูลส่วนบุคคลจากท่านโดยตรง แต่อย่างไรก็ตาม อาจมีบางกรณีที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจากแหล่งอื่นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวข้างต้น

    ทั้งนี้ บริษัทฯ อาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของจากท่านจากช่องทาง ดังนี้

                    1. ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากเจ้าของข้อมูลโดยตรง โดยบริษัทฯ จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลดังนี้

     

  • จากความสมัครใจของเจ้าของข้อมูล ในการทำแบบสอบถาม (survey) หรือ การโต้ตอบทาง email หรือ ช่องทางการสื่อสารอื่น ๆ ระหว่างบริษัทฯ และท่าน
  • เก็บจากข้อมูลการใช้ website ของบริษัทฯ ผ่าน browser’s cookies ของท่าน
  • กรณีสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนหรือเอกสารอื่น ๆ ที่มีข้อมูลอ่อนไหวตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติคุ้มครอง ข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 ขอให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้รับมอบฉันทะขีดฆ่าหรือปกปิดข้อมูลอ่อนไหว หากมิได้ขีดฆ่าหรือปกปิดข้อมูลดังกล่าว บริษัทฯ จะดำเนินการขีดฆ่าหรือปกปิดข้อมูลเพื่อคุ้มครองข้อมูลอ่อนไหวของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
  •                 2. การเก็บรวบรวมจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่จากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรง เช่น การสืบค้นข้อมูลส่วนบุคคลผ่านระบบเว็บไซต์ หรือการสอบถามจากบุคคลที่สาม อาทิ

     

  • บุคคลอ้างอิงที่ท่านระบุในใบสมัครงาน
  • มหาวิทยาลัยหรือสถานศึกษาของท่าน
  • หน่วยงานหรือองค์กรที่ท่านได้เคยปฏิบัติงาน
  • เว็บไซต์ในการสมัครงานที่ท่านได้ลงทะเบียนไว้
  •                 โดยบริษัทฯ จะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบรวมถึงจะดำเนินการขอความยินยอมในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้หากไม่สามารถติดต่อเจ้าของข้อมูล ทางบริษัทฯ จะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบอย่างช้าเมื่อสามารถติดต่อได้ในครั้งแรก เว้นแต่กรณีที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอมหรือแจ้งเจ้าของข้อมูลตามที่กฎหมายกำหนด

                    บริษัททำการเก็บรวบรวมข้อมูล ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อประโยชน์ของท่านในการทำธุรกรรม และ/หรือใช้บริการกับบริษัท เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง และ/หรือเพื่อประโยชน์อื่นใดที่ท่านได้ให้ความยินยอมไว้แก่บริษัท โดยบริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลของท่านอย่างดีที่สุดตามมาตรการรักษาความปลอดภัยของบริษัท โดยท่านสามารถศึกษารายละเอียดได้ดังต่อไปนี้

    วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูล

    รายละเอียด

    เพื่อการยืนยันตัวตน พิสูจน์ตัวตน

    การยืนยันตัวตน พิสูจน์ตัวตนและตรวจสอบข้อมูลเมื่อท่านสมัครใช้บริการของบริษัทฯ หรือติดต่อใช้บริการ หรือใช้สิทธิตามกฎหมาย

     

    เพื่อเป็นการยืนยันตัวตนของท่านก่อนการเข้าทำธุรกรรม และ/หรือการใช้บริการกับบริษัท และเพื่อตรวจสอบ ระบุ พิสูจน์ ตัวตนของท่านได้อย่างถูกต้อง ในการพิจารณาการให้สินเชื่อ

    เพื่อปฏิบัติตามสัญญา

    เพื่อเป็นการปฏิบัติตามสัญญาระหว่างท่านกับบริษัทในฐานะคู่สัญญา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญา

     

    เพื่อการติดตามทวงถามหนี้ ซึ่งอาจเป็นการติดตามโดยบริษัท หรือผู้ให้บริการในการติดตามทวงถามหนี้ เพื่อเรียกให้ท่านทำการชำระหนี้ที่ค้างตามสัญญาสินเชื่อที่มีกับบริษัท ดำเนินการจัดเก็บหนี้ ติดตามทรัพย์สิน หรือหลักทรัพย์ค้ำประกันกลับคืน หรือรับทรัพย์สินทางท่าน

    เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย

    การป้องกันและตรวจจับความผิดปกติของธุรกรรมที่นำไปสู่กิจกรรมที่ผิดกฎหมาย การดำเนินคดี การติดตามทวงถามหนี้ การใช้อำนาจทางศาล การบังคับคดี การนำทรัพย์สินออกประกาศขายทอดตลาดเพื่อนำมาชำระหนี้ การรายงานข้อมูลของท่านต่อกรมสรรพากร การรายงานข้อมูลส่วนบุคคลต่อหน่วยงานราชการ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ กรมสรรพากร หรือ เมื่อได้รับหมายเรียก หมายอายัดจากหน่วยงานราชการ หรือ ศาล การดำเนินการตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นต้น

    เพื่อประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัท

    ป้องกัน ตรวจจับ หลีกเลี่ยง และตรวจสอบการฉ้อโกง การละเมิดความปลอดภัย หรือการกระทำที่ต้องห้าม หรือผิดกฎหมาย และอาจเกิดความเสียหายต่อทั้งบริษัทฯ และเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

     

    การบันทึกภาพผู้ที่มาติดต่อทำธุรกรรมกับสำนักงาน หรือสาขาของบริษัทลงบน CCTV เพื่อการรักษาความปลอดภัยในบริเวณอาคารของบริษัทฯ  บันทึกการสนทนาระหว่างท่านกับบริษัท ไม่ว่าในรูปแบบใด เช่น โซเชียลมีเดีย โทรศัพท์ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (e-mail) เป็นต้น

     

    การบริหารความเสี่ยง การกำกับการตรวจสอบ การบริการจัดการภายในองค์กร รวมถึงการส่งต่อไปยังบริษัทในเครือกิจการ หรือกลุ่มธุรกิจทางการเงินเพื่อการดังกล่าว ภายใต้นโยบายในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเครือกิจการ (Binding Corporate Rules)

     

    การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อใช้ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ในประเภทเดียวกันกับที่ท่านมีอยู่กับบริษัทและผลิตภัณฑ์อื่นของบริษัทให้กับท่านอย่างเหมาะสมกับความต้องการของท่าน และ/หรือในการทำวิจัยทางการตลาดเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ในการให้บริการของบริษัท

     

    การรักษาความสัมพันธ์กับท่าน เช่น การจัดการข้อร้องเรียน การเสนอสิทธิประโยชน์พิเศษ การประเมินความพึงพอใจในการให้บริการของเจ้าหน้าที่หรือพนักงานของบริษัท

     

    เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของท่าน

     

    เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล

                    บริษัทฯ พิจารณากำหนดฐานกฎหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามความเหมาะสมและตามบริบทของการให้บริการ ทั้งนี้ ฐานกฎหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ บริษัทฯ ใช้ ประกอบด้วย

    ฐานกฎหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูล

    รายละเอียด

    เพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะหรือการใช้อำนาจรัฐที่บริษัทฯ  ได้รับ

    เพื่อให้ บริษัทฯ สามารถใช้อำนาจรัฐและดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะตามพันธกิจ บริษัทฯ ซึ่งกำหนดไว้ตามกฎหมาย เช่น

    - พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งบริษัทฯ พ.ศ. 2561 

    - พระราชบัญญัติการบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. 2562 

    รวมถึง กฎ ระเบียบ คำสั่งและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น

    เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย

    เพื่อให้ บริษัทฯ  สามารถปฏิบัติตามที่กฎหมายที่ควบคุม บริษัทฯ  เช่น 

    - การเก็บรวบรวมข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 

    - พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 

    - พระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. 2542 

    - กฎหมายว่าด้วยภาษีอากร (ประมวลรัษฎากร)

    รวมถึง การดำเนินการตามคำสั่งศาล เป็นต้น

    เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

    เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของ บริษัทฯ  และของบุคคลอื่น ซึ่งประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เช่น เพื่อการรักษาความปลอดภัยอาคารสถานที่ของ บริษัทฯ  หรือการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อกิจการภายในของ บริษัทฯ  เป็นต้น

    เป็นการจำเป็นเพื่อการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล

    เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล เช่น การให้บริการแอปพลิเคชันเพื่อเฝ้าระวังโรคระบาดตามนโยบายของรัฐบาล เป็นต้น

    เพื่อการปฏิบัติตามสัญญา

    เพื่อให้ บริษัทฯ  สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญา หรือดำเนินการอันเป็นความจำเป็นต่อการเข้าทำสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญากับ บริษัทฯ  เช่น การจ้างงาน จ้างทำของ การทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือหรือสัญญาในรูปแบบอื่น เป็นต้น

    เพื่อการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์ วิจัยหรือสถิติที่สำคัญ

    เพื่อให้บริษัทฯ  สามารถจัดทำหรือสนับสนุนการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์ วิจัยหรือสถิติตามที่ บริษัทฯ  อาจได้รับมอบหมาย เช่น การจัดทำทำเนียบผู้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ หรือคณะกรรมการ การจัดทำสถิติการใช้บริการดิจิทัลภาครัฐ งานติดตามการดำเนินนโยบายรัฐบาลดิจิทัล เป็นต้น

    ความยินยอมของท่าน

    เพื่อการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่ บริษัทฯ  จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากท่าน โดยได้มีการแจ้งวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลก่อนการขอความยินยอมแล้ว เช่น การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวด้วยวัตถุประสงค์ที่ไม่เป็นไปตามข้อยกเว้นมาตรา 24 หรือ 26 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือการนำเสนอ ประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์และบริการของคู่สัญญาหรือพันธมิตรทางธุรกิจแก่ท่าน เป็นต้น 

                    ในกรณีที่ บริษัทฯ มีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อการปฏิบัติตามสัญญา การปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายหรือเพื่อความจำเป็นในการเข้าทำสัญญา หากท่านปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลหรือ คัดค้านการดำเนินการประมวลผลตามวัตถุประสงค์ของกิจกรรม อาจมีผลทำให้ บริษัทฯ ไม่สามารถดำเนินการหรือให้บริการตามที่ท่านร้องขอได้ทั้งหมดหรือบางส่วน

                    ภายใต้วัตถุประสงค์ที่ได้ระบุไว้ในข้อ 3 ข้างต้น บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลดังต่อไปนี้ ทั้งนี้ ประเภทของบุคคลผู้รับข้อมูลที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้เป็นเพียงกรอบการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของ บริษัทฯ เป็นการทั่วไป เฉพาะบุคคลผู้รับข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ท่านใช้งานหรือมีความสัมพันธ์ด้วยเท่านั้นที่จะมีผลบังคับใช้

    ประเภทบุคคลผู้รับข้อมูล

    รายละเอียด

    การดำเนินการเพื่อประโยชน์สาธารณะ

    คณะรัฐมนตรี รัฐมนตรีผู้รักษาการ กรมการปกครอง กรมสรรพากร สำนักงานตำรวจ ศาล สำนักงานอัยการ กรมควบคุมโรค กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานปลัดสำนักนายก กรมการกงสุล กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เป็นต้น

    คณะกรรมการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามกฎหมายของ บริษัทฯ 

    บริษัทฯ  อาจเปิดเผยข้อมูลของท่านแก่บุคคลผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการในคณะต่าง ๆ เช่น คณะอนุกรรมการสรรหา คณะกรรมการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เป็นต้น

    คู่สัญญาซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับสวัสดิการของผู้ปฏิบัติงานของ บริษัทฯ 

    บุคคลภายนอกที่ บริษัทฯ  จัดซื้อจัดจ้างให้ดำเนินการเกี่ยวกับสวัสดิการ เช่น บริษัทประกันภัย โรงพยาบาล บริษัทผู้จัดทำ Payroll ธนาคาร ผู้ให้บริการโทรศัพท์ เป็นต้น

    คู่ค้า คู่สัญญา พันธมิตรทางธุรกิจ 

    บริษัทฯ  อาจเปิดเผยข้อมูลของท่านแก่บุคคลที่ร่วมงานกับ บริษัทฯ  เพื่อประโยชน์ในการให้บริการแก่ท่าน เช่น หน่วยงานผู้ให้บริการที่ท่านติดต่อผ่านบริการของ บริษัทฯ  ผู้ให้บริการด้านการตลาด สื่อโฆษณา สถาบันการเงิน ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม ผู้ให้บริการโทรคมนาคม เป็นต้น

    ผู้ให้บริการ

    บริษัทฯ  อาจมอบหมายให้บุคคลอื่นเป็นผู้ให้บริการแทน หรือสนับสนุนการดำเนินการของ บริษัทฯ  เช่น ผู้ให้บริการด้านการจัดเก็บข้อมูล (เช่น คลาวด์ โกดังเอกสาร) ผู้พัฒนาระบบ ซอฟต์แวร์ แอปพลิเคชัน เว็บไซต์ ผู้ให้บริการจัดส่งเอกสาร ผู้ให้บริการด้านการชำระเงิน ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ผู้ให้บริการโทรศัพท์ ผู้ให้บริการด้าน Digital ID ผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ ผู้ให้บริการด้านการบริหารความเสี่ยง ที่ปรึกษาภายนอก ผู้ให้บริการขนส่ง ผู้ให้บริการหรือตัวแทนในการติดตามทวงถามหนี้ ดำเนินการจัดเก็บหนี้ ติดตามทรัพย์สิน หรือหลักทรัพย์ค้ำประกันกลับคืน ธนาคาร บริการรับชำระเงิน บริการรับส่งพัสดุ ไปรษณีย์ บริการประกันภัย การทำการตลาด หรือบริการอื่นใดที่เป็นประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจของบริษัท หรือเพื่อประโยชน์ของท่าน ผู้ให้บริการเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัย ผู้พัฒนาระบบสารสนเทศ หรือผู้ให้บริการทางด้านระบบสารสนเทศ เป็นต้น

    ผู้รับข้อมูลประเภทอื่น

    บริษัทฯ  อาจเปิดเผยข้อมูลของท่านให้แก่บุคคลผู้รับข้อมูลประเภทอื่น เช่น ผู้ติดต่อ บริษัทฯ  สมาชิกในครอบครัว มูลนิธิที่ไม่แสวงหากำไร วัด โรงพยาบาล สถานศึกษา หรือหน่วยงานอื่น ๆ เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อการดำเนินการเกี่ยวกับบริการของ บริษัทฯ  การฝึกอบรม การรับรางวัล การร่วมทำบุญ บริจาค เป็นต้น

    การเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ

    บริษัทฯ  อาจเปิดเผยข้อมูลของท่านต่อสาธารณะในกรณีที่จำเป็น เช่น การดำเนินการที่กำหนดให้ บริษัทฯ  ต้องประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาหรือมติคณะรัฐมนตรี 

    ที่ปรึกษาที่มีวิชาชีพ

    ทนายความ ผู้ตรวจสอบบัญชี นักคณิตศาสตร์ประกันภัย ผู้ตรวจสอบภายใน หรือผู้ดำเนินการอื่นใดทางด้านกฎหมาย

    หน่วยงานราชการหรือหน่วยงานกำกับดูแลเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือเป็นไปตามคำสั่งของหน่วยงานรัฐ หรือที่ร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย หรือที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมาย หรือที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย

    ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ กรมสรรพากร สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ศาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุดกรมบังคับคดี รวมทั้งผู้ตรวจสอบบัญชี เป็นต้น

                    ในบางกรณี บริษัทฯ อาจจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศเพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ในการให้บริการแก่ท่าน เช่น เพื่อส่งข้อมูลส่วนบุคคลไปยังระบบคลาวด์ (Cloud) ที่มีแพลตฟอร์มหรือเครื่องแม่ข่าย (Server) อยู่ต่างประเทศ เพื่อสนับสนุนระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ตั้งอยู่นอกประเทศไทย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับบริการของ บริษัทฯ ที่ท่านใช้งานหรือมีส่วนเกี่ยวข้องเป็นรายกิจกรรม

                    อย่างไรก็ตาม ในขณะที่จัดทำนโยบายฉบับนี้ คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลยังมิได้มีประกาศกำหนดรายการประเทศปลายทางที่มีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ ดังนั้นเมื่อ บริษัทฯ มีความจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังประเทศปลายทาง บริษัทฯ จึงจะดำเนินการเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ส่งหรือโอนไปมีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเพียงพอตามมาตรฐานสากล หรือดำเนินการตามเงื่อนไขเพื่อให้สามารถส่งหรือโอนข้อมูลนั้นได้ตามกฎหมาย ได้แก่

     

  • เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายที่กำหนดให้ บริษัทฯ ต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ
  • ได้แจ้งให้ท่านทราบและได้รับความยินยอมจากท่านในกรณีที่ประเทศปลายทางมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เพียงพอ ทั้งนี้ตามประกาศรายชื่อประเทศที่คณะกรรมการคุ้มครองส่วนบุคคลประกาศกำหนด
  • เป็นการจำเป็นเพื่อปฏิบัติตามสัญญาที่ท่านเป็นคู่สัญญากับ บริษัทฯ หรือเป็นการทำตามคำขอของท่านก่อนการเข้าทำสัญญานั้น
  • เป็นการกระทำตามสัญญาของ บริษัทฯ กับบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น เพื่อประโยชน์ของท่าน
  • เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือของบุคคลอื่น เมื่อท่านไม่สามารถให้ความยินยอมในขณะนั้นได้
  • เป็นการจำเป็นเพื่อดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ
  •                 บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ในระยะเวลาเท่าที่ข้อมูลนั้นยังมีความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเท่านั้น ตามรายละเอียดที่ได้กำหนดไว้ในนโยบาย ประกาศหรือตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ เมื่อพ้นระยะเวลาและข้อมูลส่วนบุคคลของท่านสิ้นความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวแล้ว บริษัทฯ จะทำการลบ ทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่สามารถระบุตัวตนได้ต่อไป ตามรูปแบบและมาตรฐานการลบทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่คณะกรรมการหรือกฎหมายจะได้ประกาศกำหนดหรือตามมาตรฐานสากล อย่างไรก็ดี ในกรณีที่มีข้อพิพาท การใช้สิทธิหรือคดีความอันเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิในการเก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไปจนกว่าข้อพิพาทนั้นจะได้มีคำสั่งหรือคำพิพากษาถึงที่สุด

                    ในกรณีที่ไม่สามารถกำหนดระยะเวลาดังกล่าวได้ บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งได้ระบุไว้ในแบบแจ้งฉบับนี้ หลักเกณฑ์ที่ใช้กำหนดระยะเวลาเก็บ ได้แก่ ระยะเวลาที่ บริษัทฯ ยังคงจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวัตถุประสงค์ และอาจเก็บต่อไปตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายหรือตามอายุความทางกฎหมาย เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อเหตุอื่นตามนโยบายและข้อกำหนดภายในองค์กร

                    บริษัทฯ อาจมีการมอบหมายหรือจัดซื้อจัดจ้างบุคคลที่สาม (ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล) ให้ทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลแทนหรือในนามของ บริษัทฯ ซึ่งบุคคลที่สามดังกล่าวอาจเสนอบริการในลักษณะต่าง ๆ เช่น การเป็นผู้ดูแล (Hosting) รับงานบริการช่วง (Outsourcing) หรือเป็นผู้ให้บริการคลาวด์ (Cloud computing service/provider) หรือเป็นงานในลักษณะการจ้างทำของในรูปแบบอื่น

                    การมอบหมายให้บุคคลที่สามทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในฐานะผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้น บริษัทฯ จะจัดให้มีข้อตกลงระบุสิทธิและหน้าที่ของ บริษัทฯ ในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและของบุคคลที่ บริษัทฯ มอบหมายในฐานะผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งรวมถึงกำหนดรายละเอียดประเภทข้อมูลส่วนบุคคลที่ บริษัทฯ มอบหมายให้ประมวลผล รวมถึงวัตถุประสงค์ ขอบเขตในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลและข้อตกลงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามขอบเขตที่ระบุในข้อตกลงและตามคำสั่งของ บริษัทฯ เท่านั้นโดยไม่สามารถประมวลผลเพื่อวัตถุประสงค์อื่นได้

                    ในกรณีที่ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลมีการมอบหมายผู้ให้บริการช่วง (ผู้ประมวลผลช่วง) เพื่อทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลแทนหรือในนามของผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้ บริษัทฯ จะกำกับให้ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจัดให้มีเอกสารข้อตกลงระหว่างผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลกับผู้ประมวลผลช่วง ในรูปแบบและมาตรฐานที่ไม่ต่ำกว่าข้อตกลงระหว่าง บริษัทฯ กับผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

                    บริษัทฯ มีมาตรการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล โดยการจำกัดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลให้สามารถเข้าถึงได้โดยเจ้าหน้าที่เฉพาะรายหรือบุคคลที่มีอำนาจหน้าที่หรือได้รับมอบหมายที่มีความจำเป็นต้องใช้ข้อมูลดังกล่าวตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไว้แล้วเท่านั้น ซึ่งบุคคลดังกล่าวจะต้องยึดมั่นและปฏิบัติตามมาตรการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของ บริษัทฯ อย่างเคร่งครัด ตลอดจนมีหน้าที่รักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลที่ตนเองรับรู้จากการปฏิบัติการตามอำนาจหน้าที่ โดย บริษัทฯ มีมาตรการรักษาความปลอดภัยข้อมูลทั้งในเชิงองค์กรหรือเชิงเทคนิคที่ได้มาตรฐานสากล และเป็นไปตามมาตรฐานขั้นต่ำที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด ตามมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ได้แก่

     

  • การจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล ที่ครอบคลุมทั้ง 3 ประเด็น ดังนี้
                    ธำรงไว้ซึ่งความลับ (confidentiality)
                    ความถูกต้องครบถ้วน (integrity)
                    สภาพพร้อมใช้งาน (availability)
                    ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยมิชอบ
  • การเก็บข้อมูลเป็นความลับ และเปิดเผยต่อบุคลากรที่ได้รับอนุญาตตามข้อกำหนดทางกฎหมาย และกฎเกณฑ์ที่บังคับใช้เท่านั้น
  • การจัดให้มีมาตรการการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมายกำหนด ในด้านการเข้าถึงหรือควบคุมการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคล (access control) ได้แก่
                    - มาตรการป้องกันด้านการบริหารจัดการ (administrative safeguard)
                    - มาตรการป้องกันด้านเทคนิค (technical safeguard)
                    - มาตรการป้องกันด้านกายภาพ (physical safeguard)
  • เมื่อ บริษัทฯ มีการส่ง โอนหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่บุคคลที่สาม ไม่ว่าเพื่อการให้บริการตามพันธกิจ ตามสัญญา หรือข้อตกลงในรูปแบบอื่น บริษัทฯ จะกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลและการรักษาความลับที่เหมาะสมและเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อยืนยันว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่ บริษัทฯ เก็บรวบรวมจะมีความมั่นคงปลอดภัยอยู่เสมอ
  • หมายเหตุ : รายละเอียดเพิ่มเติมจะอยู่ในเอกสารนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Policy)

                    พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ได้กำหนดสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไว้หลายประการ ทั้งนี้ สิทธิดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อกฎหมายในส่วนของสิทธินี้มีผลใช้บังคับ โดยรายละเอียดของสิทธิต่าง ๆ ประกอบด้วย (ระยะเวลาดำเนินการในการใช้สิทธิประเภทต่าง ๆ คือภายใน 30 วันโดยเริ่มนับระยะเวลาตั้งแต่วันที่บริษัทฯ ได้มีหนังสือตอบรับคำร้องขอ)

     

                    1) สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอเข้าถึง รับสำเนาและขอให้เปิดเผยที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลที่ บริษัทฯ เก็บรวบรวมไว้โดยปราศจากความยินยอมของท่าน เว้นแต่กรณีที่ บริษัทฯ มีสิทธิปฏิเสธคำขอของท่านด้วยเหตุตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล หรือกรณีที่การใช้สิทธิของท่านจะมีผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น

                    2) สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง สมบูรณ์และเป็นปัจจุบัน หากท่านพบว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่ถูกต้อง ไม่ครบถ้วนหรือไม่เป็นปัจจุบัน ท่านมีสิทธิขอให้แก้ไขเพื่อให้มีความถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้

                    3) สิทธิในการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้ บริษัทฯ ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลได้ต่อไป ทั้งนี้ การใช้สิทธิลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนี้จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด

                    4) สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ทั้งนี้ ในกรณีดังต่อไปนี้

     

                    ก) เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่ บริษัทฯ ทำการตรวจสอบตามคำร้องขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง สมบูรณ์และเป็นปัจจุบัน

                    ข) ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลถูกเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยโดยมิชอบด้วยกฎหมาย

                    ค) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่ บริษัทฯ ได้แจ้งในการเก็บรวบรวม แต่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลประสงค์ให้ บริษัทฯ เก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไปเพื่อประกอบการใช้สิทธิตามกฎหมาย

                    ง) เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่ บริษัทฯ กำลังพิสูจน์ถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือตรวจสอบความจำเป็นในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อประโยชน์สาธารณะ อันเนื่องมาจากการที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

     

                    5) สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่าน เว้นแต่กรณีที่ บริษัทฯ มีเหตุในการปฏิเสธคำขอโดยชอบด้วยกฎหมาย (เช่น บริษัทฯ สามารถแสดงให้เห็นว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายยิ่งกว่า หรือเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะของ บริษัทฯ )

                    6) สิทธิในการขอถอนความยินยอม ในกรณีที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่ บริษัทฯ ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (ไม่ว่าความยินยอมนั้นจะได้ให้ไว้ก่อนหรือหลังพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีผลใช้บังคับ) ท่านมีสิทธิถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรักษาโดย บริษัทฯ เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธิโดยกฎหมายให้ บริษัทฯ จำเป็นต้องเก็บรักษาข้อมูลต่อไปหรือยังคงมีสัญญาระหว่างท่านกับ บริษัทฯ ที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่

                    7) สิทธิในการขอรับ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิในการขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจาก บริษัทฯ ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้โดยวิธีการอัตโนมัติ รวมถึงอาจขอให้ บริษัทฯ ส่งหรือโอนข้อมูลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่น ทั้งนี้ การใช้สิทธินี้จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด

                    8) สิทธิในการร้องเรียน ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อบริษัทฯ กรณีมีความกังวลหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของบริษัท หรือร้องเรียนต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่บริษัท หรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งลูกจ้างหรือผู้รับจ้างของบริษัทหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

                    บริษัทฯ เก็บรวบรวมและใช้คุกกี้รวมถึงเทคโนโลยีอื่นในลักษณะเดียวกันในเว็บไซต์ที่อยู่ภายใต้ความดูแลของ บริษัทฯ เช่น www.chairitleasing.com หรือบนอุปกรณ์ของท่านตามแต่บริการที่ท่านใช้งาน ทั้งนี้ เพื่อการดำเนินการด้านความปลอดภัยในการให้บริการของบริษัทฯ และเพื่อให้ท่านซึ่งเป็นผู้ใช้งานได้รับความสะดวกและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานบริการของบริษัทฯ และข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำไปเพื่อปรับปรุงเว็บไซต์ของบริษัทฯ ให้ตรงกับความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น โดยท่านสามารถตั้งค่าหรือลบการใช้งานคุกกี้ได้ด้วยตนเองจากการตั้งค่าในเว็บเบราว์เซอร์ (Web Browser) ของท่าน

                    บริษัทฯ อาจพิจารณาปรับปรุง แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้ตามที่เห็นสมควร และจะทำการแจ้งให้ท่านทราบผ่านช่องทางเว็บไซต์ www.chairitleasing.com โดยมีวันที่มีผลบังคับใช้ของแต่ละฉบับแก้ไขกำกับอยู่ อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ขอแนะนำให้ท่านโปรดตรวจสอบเพื่อรับทราบนโยบายฉบับใหม่อย่างสม่ำเสมอ หรือช่องทางเฉพาะกิจกรรมที่ บริษัทฯ ดำเนินการ โดยเฉพาะก่อนที่ท่านจะทำการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่ บริษัทฯ

                    การเข้าใช้งานผลิตภัณฑ์หรือบริการของ บริษัทฯ ภายหลังการบังคับใช้นโยบายใหม่ ถือเป็นการรับทราบตามข้อตกลงในนโยบายใหม่แล้ว ทั้งนี้ โปรดหยุดการเข้าใช้งานหากท่านไม่เห็นด้วยกับรายละเอียดในนโยบายฉบับนี้และโปรดติดต่อมายัง บริษัทฯ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงต่อไป

                    หากท่านมีข้อสงสัย ข้อเสนอแนะหรือข้อกังวลเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของ บริษัทฯ หรือเกี่ยวกับนโยบายนี้ หรือท่านต้องการใช้สิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านสามารถติดต่อสอบถามได้ที่

     

    ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller)

    ชื่อ : บริษัท ชัยฤทธิ์ ลีสซิ่ง 58 จำกัด

    สถานที่ติดต่อ : 119 หมู่ที่ 4 ตำบลบ้านหลุม อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย 64000

    ช่องทางการติดต่อ : 055-010889

    อีเมล : chairitleasing58@gmail.com


    เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer: DPO)

    ช่องทางการติดต่อ : 055-010889 ต่อ 1400 และ 1401